สาระน่ารู้ / เกร็ดความรู้

อย่ามองข้าม “ริมฝีปากแห้ง”

เพราะริมฝีปากเป็นอวัยวะที่บอบบาง ต้องการการบำรุงรักษาไม่แพ้ผิวหนังส่วนอื่นๆ ทราบหรือไม่คะว่า ริมฝีปากจะแห้งกว่าผิวหนังถึง 6 เท่า และเป็นส่วนที่มีเส้นเลือดและเส้นประสาทมากกว่าผิวหนังส่วนอื่นๆ แต่กลับไม่มีต่อมไขมันและต่อมเหงื่อ จึงไม่สามารถสร้างเกราะป้องกันตัวเองเหมือนผิวหนัง รวมถึงมีชั้นขี้ไคลที่บางกว่า คราวถึงฤดูหนาวริมฝีปากจึงแห้งแตกก่อนผิวหนังส่วนอื่น ๆ ซึ่งนอกจากนี้ริมฝีปากที่แตก ยังมีสาเหตุมาจากการขาดวิตามินได้อีกด้วย เช่น วิตามิน C หรือกลุ่มวิตามิน B การขาดวิตามิน B นั้นจะทำให้เป็นโรคปากนกกระจอก บางครั้งก็มีอาการริมฝีปากแตกร่วมด้วย โดยวิตามิน C สามารถหาได้จากผลไม้ที่หาซื้อได้ง่าย เช่น ส้ม มะนาว มะขาม ฝรั่ง เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้พลังงานแก่เซลล์ในการสมานแผลและเพิ่มการผลัดเซลล์ ส่วนกลุ่มวิตามินB มีในตับ หัวใจ ไข่ นม และผักต่าง ๆ จะช่วยรักษาอาการผิวแตก กระตุ้นการถ่ายทอดอิเล็กตรอนของเส้นประสาทและจะขาดไม่ได้ในการสร้างพลังงาน เนื่องจากริมฝีปากมีเส้นประสาทมากจึงควรรับประทานวิตามิน C และกลุ่มวิตามิน B เสริม ควบคู่ไปกับการบำรุงรักษาด้วยลิปบำรุงริมฝีปากอย่างสม่ำเสมอจะช่วยชะลอการสูญเสียความชุ่มชื้นให้ช้าลง และช่วยลดอาการระคายเคืองที่เกิดจากการแตกลอก เพื่อให้คุณมีเรียวปากที่สวยงามน่ามองค่ะ
Do
• หลีกเลี่ยงการเลียริมฝีปาก เพราะจะทำให้ปากยิ่งแห้ง
• ทาลิปบาล์มแล้วใช้นิ้วนวดเบาๆที่ริมฝีปาก ก่อนทาทับด้วยลิปสติก จะทำให้สีของลิปติดทนนาน และเพิ่มความอวบอิ่ม ชวนมอง
• ปกป้องริมฝีปากจากแสงแดด ด้วยลิปสติกที่มีส่วนผสมสารกันแดด (SPF) สาเหตุของริมฝีปากแห้ง ดำคล้ำ
สามารถทาลิปบาล์มได้มากกว่า 1 ครั้งต่อวันค่ะ เพราะริมฝีปากไม่สามารถผลิตความมันได้เหมือนผิวส่วนอื่น ๆ